: ความสุขสุดขอบฟ้า
ฉันล๊อคประตูห้องแล้วล้มลงนอนราบกับเตียง ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นก่ายหน้าผาก สายตาบังเอิญไปสัมผัสกับขวดสีชาในหนึ่ง วางตะแคงอยู่ปลายเตียง ฉันหยิบมันขึ้นพิศดูคร่าวๆ พบว่าวัตถุภายใน คือ "ยานอนหลับ" แล้วฉันก็เกิดความคิดชั่ววูบขึ้นภายในสมอง ฉันคลายเกลียวฝาออกอย่างเชื่องช้า เทยาในขวดลงกองบนเตียง นับได้ยี่สิบเม็ด ฉันถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ก่อนจะแข็งใจลุกขึ้นเดินไปที่เคาน์เตอร์เหล้า หยิบแก้วกับเหล้าดีกรีสูงขวดหนึ่งมาวางบนหัวเตียง รินของเหลวสีน้ำตาลใสลงสู่แก้วอย่างเพลียๆ ฉันนั่งลงบนเตียงอีก พลางมองไปที่หน้าต่าง รถยนต์สีมรกตกำลังแล่นไปตามถนนอย่างรวดเร็ว …เขากำลังจากฉัน เขากำลังทิ้งฉัน ฉันพูดกับตัวเอง
น้ำใสเริ่มคลอบริเวณหัวตา ก้อนแข็งในลำคอของฉันถูกกลืนลงอย่างลำบาก แล้วน้ำตาก็ร่วงพรูลงอาบแก้ม นี่ฉันร้องไห้เป็นหนที่ร้อยแล้วกระมัง และหนนี้อาจเป็นหนสุดท้าย… ภาพถ่ายของฉันคู่กับเขายังคงวางโดดเด่น ฉันเห็นตัวเองยิ้มอย่างมีความสุขในภาพแล้วเกิดความรู้สึกอิจฉาตัวเองเมื่อในอดีต ฉันคว้ามันแล้วขว้างลงกับพื้นห้อง เสียงกระจกแตกดังวาบเข้าไปในหู แต่ฉันในภาพถ่ายยังคงยิ้มอย่างมีความสุข…
ฉันกำลังมีความทุกข์อย่างแสนสาหัส ไม่สามารถระบายกับใครได้ เพราะฉันอยู่โดดเดี่ยวมาตลอดโดยไร้ญาติขาดมิตร เมื่อมีชีวิตคู่ ฉันก็มีเขาเพียงคนเดียว แต่เขาก็ไม่เคยให้เกียรติฉันในฐานะภรรยา ฉันเป็นเพียงคู่หลับนอนอย่างเป็นทางการของเขา เขาไม่เคยให้…แม้ความสุขเล็กๆน้อยๆ แก่ฉันด้วยคำพูดหวานๆ ฉันรักเขามาก แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าเขารักฉันบ้างหรือไม่ รู้เพียงแต่ว่าฉันได้แต่งงานกับเขาในความเห็นชอบของผู้ใหญ่ฝ่ายเขา ชีวิตสมรสของเราที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้ฉันมีความสุขอย่างทีเคยหวังไว้ เราทะเลาะกันเป็นประจำทุกครั้ง เมื่อฉันขอให้เขากลับบ้านให้บ่อยครั้งมากขึ้น ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขากล่าววาจาดูแคลนฉันอย่างรุนแรง ฉันก็อดทนเสมอมาโดยไม่ปริปากบ่น
แต่เหตุการณ์เมื่อครู่และอีกหลายๆเหตุการณ์ในหลายๆ วันที่ผ่านมา ทำให้ความอดทนของฉันที่มีขีดจำกัดต้องหมดลง
เรื่องดำเนินครั้งแรกเมื่อไม่นานมานี้

ฉันระแคะระคายมาว่าเขาติดพันผู้หญิง แต่ฉันก็ยังไม่ปักใจลงความเห็นใดๆ ฉันเริ่มนึก…ลำดับภาพที่เกิดขึ้นในหลายๆ วันที่ผ่านมาอย่างชัดเจน
วันนั้นเขากลับบ้านดึกมาก กลับมาพร้อมกับกลิ่นเหล้า ฉันกล่าวกับเขาด้วยน้ำเสียงห่วงใยเช่นทุกวัน
"ทานข้าวมารึยังคะ ถ้ายังเดี๋ยวฉันจะไปเอามาให้"
"ไม่ต้อง เหม็นเบื่อ" เขาตอบห้วนๆ อย่างไม่แยแส
ฉันได้แต่พยายามเก็บกลั้นความรู้สึกปวดร้าวไว้ในใจ แล้วถามเขา
"จะอาบน้ำเลยมั้ยคะ ฉันจะได้ไปเตรียมน้ำ"
ฉันพูดพลางช่วยปลดกระดุมเสื้อให้ เขาปัดมือของฉันออกห่าง แล้วตวาดเสียงดัง
"ยุ่งน่ะ รีบๆไปนอนซะไป๊ รำคาญหูรำคาญตาจริง แค่เรื่องอาบน้ำน่ะ ไม่จำเป็นต้องให้เธอมาจุ้นจ้านหรอก"
เขาใช้คำว่า จุ้นจ้าน …ความจริงมันเป็นหน้าที่ของภรรยาที่พึงกระทำต่อสามีมิใช่หรือ รึว่าไม่ใช่?

ความคิดของฉันเริ่มสับสน จากนั้นฉันไม่กล้ากล่าวอะไรอีก เดินเนิบๆ ขึ้นข้างบน ปล่อยให้เขาจัดการกับตัวเองตามที่เขาต้องการ
คืนนั้นและคืนต่อๆมา สภาพการณ์เดิมก็ดำเนินซ้ำๆซากๆ ฉันต้องใช้เวลานานกว่าจะสามารถข่มตาให้หลับลงได้ในแต่ละวัน….

ระยะนี้เขากลับบ้านนานๆครั้ง ครั้งหนึ่งเมื่อเขากลับบ้าน ฉันได้กลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงและรอยลิปสติกตามเสื้อผ้า ฉันรู้ดีว่าสิ่งที่ระแคะระคายมานั้นเริ่มมีมูลความจริงขึ้น ฉันไม่เอะอะกับเขา เพียงแต่ถามเขาเสียงเรียบๆ
"หมู่นี้คุณเที่ยวบ่อยหรือคะ กลิ่นน้ำหอม รอยลิปสติกเต็มไปหมด"
"ใช่" เขามองฉันอย่างเยาะเย้ยแวบหนึ่ง
"ก็ที่บ้านน่ะ มันน่าเบื่อออก ยังกับนอนกับท่อนไม้"
เขากล่าวต่อฉัน โดยไม่หันมามองฉันอีก ฉันก้มหน้านิ่ง ฉันยอมรับว่าเรื่องหลับนอนฉันมีความไม่กล้ามากกว่าผู้หญิงคนอื่นโดยเฉพาะผู้หญิงประเภทที่เขาชอบไปเที่ยวด้วย
"รู้จักปรับปรุงตัวซะบ้างสิ อายุอานามเธอก็ยังไม่ถึงสามสิบเลยนี่ แต่ทำไมชอบทำหน้าอมทุกข์ยังกะคนอายุสี่สิบ ปล่อยตัวเป็นสาวทึนทึกคร่ำเครอะอยู่ได้ โบราณชิบ…! "
ฉันนึกในใจว่า ถ้าฉันไม่ทำอย่างที่เขาหมิ่นไว้ เขาจะกลับมาเป็นสามีที่ดีของภรรยาเหมือนคนอื่นๆ หรือไม่
"เฮอะ! แต่ฉันนึกภาพเธอแต่งหน้าทาปากแล้วคงเหมือนตัวอะไรซักอย่างน่ะ"
เขาหัวเราะแค่นๆ
"ผู้หญิงที่ฉันไปค้างด้วยบ่อยๆน่ะ เค้าต่างกับเธอ ทั้งที่จริงๆ ฉันว่าเธอสวยกว่าเค้านะ แต่นั่นมันความคิดของฉันเมื่อสมัยฉันยังโง่อยู่ต่างหาก"
เขาเอาฉันไปเปรียบกับผู้หญิงประเภทนั้น ฉันรีบเข้าห้องนอน…แล้วส่องกระจกมองเงาตัวเอง

ใบหน้าของฉันเป็นรูปรี ตาดำคม คิ้วเรียวยาวได้สัดส่วน จมูกโด่งปลายเชิดนิดๆ ริมฝีปากบางอิ่มแต่สีชมพูซีด ผิวพรรณที่เคยสดใสกลับแห้งผาก ผมตรงดำเส้นยาวที่เคยเงางามก็กลับแห้งกรอบ แสดงถึงสภาพการขาดการบำรุงรักษาอย่างเห็นได้ชัด รูปร่างระหงเคยอวบอิ่มไปด้วยเลือดเนื้อก็กลับผ่ายผอมลง ฉันถอนหายใจยาวๆ พลางเปิดลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้ง หยิบลิปสติกสีส้มสะอาดขึ้นเปิดดู กลิ่นหอมอ่อนๆของส้มส่งกลิ่นโชยปะทะจมูก ฉันจำได้ว่าเคยเปิดมันใช้เพียงครั้งเดียว ฉันยกลิปสติกราคาแพงแท่งนั้นขึ้นทาบริมฝีปาก… แล้วก็กลับปล่อยให้มันหลุดมือลงไปกองในลิ้นชักอย่างล่องลอย ฉันค่อยๆปิดลิ้นชักแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียง พริ้มตาลงช้าๆ พรุ่งนี้จะมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นอีก นับวันชีวิตคู่เราจะเลวลง ฉันรู้สึกว่าหัวใจของตนอ่อนล้าเหลือเกิน แล้วฉันก็เผลอหลับไป..

เช้าตรู่ของวันนี้เขาลุกไปทำงานแต่เช้าและบอกฉันว่า เขาต้องรีบไปดูงานต่างจังหวัด แต่ก็จะกลับบ้าน ฉันรู้สึกดีใจขึ้นมาบ้างที่เขาคิดจะกลับบ้าน แม้รู้ดีว่าการรีบไปดูงานต่างจังหวัดของเขาเป็นเพียงเหตุผลจอมปลอม เพื่อที่จะไปหาขาประจำคนใดคนหนึ่ง
หลังจากเขาไปแล้ว ฉันก็อยู่บ้านคนเดียว บ้านเงียบเหงาเหมือนเคย แต่วันนี้บรรยากาศดูแปลกไปสำหรับฉัน อะไรๆพาลขัดหูขัดตาไปหมด ฉันบังเอิญทำของแตกบ่อยครั้งเป็นพิเศษโดยไม่ทราบสาเหตุ
ฉันฆ่าเวลาโดยการเขียนบันทึก แน่ละ…มันมีเรื่องราวมากมายเกินกว่าหน้ากระดาษสี่ห้าหน้าจะบรรจุได้หมด ฉันจำต้องหยุดมันชั่วขณะ เมื่อได้ยินเสียงรถเบรคกระทันหันที่โรงจอดรถ วันนี้เขาคงอารมณ์เสีย…เสียมากเป็นพิเศษ ฉันจะเตรียมใจรองรับอารมณ์เขา
เขาเดินเข้าบ้านด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวอย่างเห็นได้ชัด ฉันไม่ทราบสาเหตุใดๆ จึงเดาเล่นๆว่าเขาคงจะพลาดนัดกับคู่ขากระมัง
"ขอน้ำหน่อย" เขาส่งเสียงดัง
ฉันกุลีกุจอจัดน้ำเสริฟให้เขา
ทันทีที่น้ำสัมผัสริมฝีปาก เขาก็ขว้างแก้วลงกับพื้น มันแตกกระจายไม่มีชิ้นดี ฉันกลัวจนตัวสั่นเทา เขาไม่เคยอารมณ์เสียมากขนาดนี้ ฉันถอยเท้าจนติดข้างฝา
เขาผินหน้ามาหาฉันด้วยแววตาถมึงทึง
"ใครบอกให้เอาน้ำอุ่นมา ฮึ"
"ก็ ..ก็คุณไม่ได้…บอกฉันนี่คะ" ฉันตอบเสียงเครือ
เขาทำในสิ่งที่ฉันไม่คาดคิด ปราดเข้ามาจิกผมของฉันแล้วตบหน้าฉันเต็มแรงจนฉันซัดเซไปอีกทาง แรงของเขามากพอที่จะทำให้เลือดไหลออกมา ใจฉันร้อนวาบขึ้นมาทันที ความอดทนของฉันหมดลง อารมณ์ขลาดที่เป็นอยู่หายไป ทดแทนด้วยการต่อต้าน ฉันลุกขึ้นยืนทันที สีหน้าของฉันบอกชัดว่าไม่ยอมให้เขาทำร้ายฉันฝ่ายเดียวอีกต่อไป
เขาอ่านสีหน้าฉันแล้วผลักฉันไปชิดประตู บีบต้นแขนทั้งสองข้างของฉันราวกับว่าจะทำให้ร่างทั้งร่างแหลกละเอียดไปด้วยมือของเขา สีหน้าฉันยังคงบอกว่าไม่กลัว เขาจึงคลายมือแล้วหันหลังกลับไปครู่หนึ่ง
"ฉันเบื่อเธอเต็มทีแล้ว" เขาแผดเสียง
"ชั้นก็ทนคุณไม่ไหวแล้วเหมือนกัน"
ฉันแผดเสียงดังบ้าง คล้ายว่าการที่ได้ใช้เสียงดังมากๆ จะทำให้ความอัดอั้นที่สะสมอยู่ภายในได้คลายลงบ้างชั่วขณะหนึ่ง
"ชั้นจะไม่ค้างที่นี่ละ คืนนี้…พอกันทีสำหรับผู้หญิงที่ไม่เคยมีรสชาติอย่างเธอ"
"ชั้นขอหย่ากับคุณ"
"แน่นอน" เขารับคำท้าอย่างมั่นใจ
เขาระบายความโกรธที่ยังตกค้างอยู่กับโคมไฟ โดยการเตะมันให้ตกลงมาจากโต๊ะ แล้วเขาก็เข้าไปคว้าชุดนอนไว้ในมือชุดหนึ่ง ก่อนจะผลุนผลันไป สตาร์ทรถ ฉันรีบขึ้นข้างบน…ปิดประตูล๊อคกลอนสนิท

นั่นคือความทรงจำสุดท้ายของฉันที่เพิ่งจบลงไปเมื่อครู่กับเขา ฉันมองเศษกระจกกรอบรูปก่อนจะควานยานอนหลับไว้ในกำมือ ฉันเช็ดน้ำตาตัวเองที่กำลังร่วงพรูอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ ฉันนำยานอนหลับนั้นใส่ปาก ตามด้วยเหล้าที่รินทิ้งไว้อีกสองแก้ว…

พอกันที…ชีวิตคู่ที่ล้มเหลว
…ฉันหาความสุขไม่ได้ในโลกนี้ โลกหน้าหรือโลกไหนอาจพอมีปันให้ฉันบ้างก็ได้ ฉันฝันว่าตัวเองมีความสุขตลอดกาล…

ฉันพริ้มตาลง ...ง่วงเหลือเกิน

..............................................................

Thanks,You are visitors number since 21/08/98


  1. ระทมจริงนะ เอาน่าหาชายใหม่คอยซับน้ำตาให้ มาเยี่ยมแล้วนะ จะติดตามเรื่อยๆ

    comment by: ltrumpet@hotmail.com
    22 สิงหาคม 2541 11:32


  2. เศร้าอะไรจะปานนั้น ทนไม่ได้ก็ต้องเลิกสินะ ไม่เห็นจะต้องอดทนอะไร

    comment by: Joe!
    29 สิงหาคม 2541 04:47


  3. Oh my god.
    หวังว่าไม่ได้ base on true story นะ

    comment by: Your Old Friend
    3 กันยายน 2541 14:49


: แสดงความคิดเห็น

ชื่อ/email:
ความคิดเห็น: