??????Hemingway,"คนรุ่นที่หายไป" ความโดดเดี่ยวของเซธ และความนัยของ City of Angels ?????

เนื้อความ : ใครดู City of Angels มาแล้ว คงสังเกตเห็นว่ามีอยู่ฉากอยู่สามฉากที่เซธกับแมกกี้เจอกัน
โดยมีหนังสือเล่มหนึ่ง คนรุ่นหนึ่ง และนักเขียนคนหนึ่ง เกี่ยวข้องอยู่ตลอด ฉากหนึ่งคือฉากที่
แมกกี้พบเซธอย่างจังๆ ในห้องสมุดหน้าตู้หนังสือหมวด "THE LOST GENERATION" ฉากสองคือ
ที่เซธหยิบหนังสือ THE MOVEABLE FEAST ขึ้นมาอ่าน และฉากที่สามคือเซธเอา THE FEAST
ไปไว้ในห้องนอนแมกกี้ในขณะที่แมกกี้ไม่รู้ตัว

คำถามสำหรับใครช่างสงสัยหน่อยก็คือแล้ว THE LOST GENERATION กับ THE MOVEABLE
FEAST มีความสำคัญกับเรื่องนี้ตรงไหน คำตอบก็คือทั้งสองสิ่งเป็น SIGNIFIER ของเซธและ
แมกกี้ที่จะสานความสัมพันธ์ระหว่างกัน คำถามถัดไปคือเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ที่ CIA ใช้
THE LOST กับ THE FEAST เป็น SIGNIFIER ในหนังเรื่องนี้ คำตอบคือไม่น่าจะเป็นการ
บังเอิญ เพราะคำว่า THE LOST GENERATION กับ THE MOVEABLE FEAST มีความ
เกี่ยวพันกับนักเขียนคนหนึ่งอย่างแยกไม่ออก และนักเขียนที่เรากำลังพูดถึงคือ ERNEST
HEMINGWAY เฒ่าผจญทะเลผู้ยิ่งใหญ่และไม่มีวันตาย

กล่าวอย่างรวบรัดแล้ว THE LOST GENERATION เป็นคำที่เป็นสัญลักษณ์ของ HEMINGWAY
และคนร่วมรุ่นกับเขาโดยแท้ กลอนบทหนึ่งใน BIBLE เขียนไว้ว่า
"ONE GENERATION PASSETH AWAY, AND ANOTHER GENERATION COMETH:
BUT THE EARTH ABIDETH FOREVER.
THE SUN ALSO ARISETH, AND THE SUN GOETH DOWN,
AND HASTETH TO HIS PLACE WHEN HE AROSE.

ในปี 1926 พร้อมๆ กับที่ THE SUN ALSO RISES ถูกตีพิมพ์เป็นครั้งแรกในปารีส เฮมมิงเวย์
ก็เร่ิมตำนาน THE LOST GENERATION ของคนรุ่นทศวรรษ 1920 พวกเขาใช้ชีวิตอย่างบ้าบิ่น
ท้่าทายความเชื่อทางศีลธรรม เป็นขบถต่อวงล้อมของประเพณีในสมัยนั้น ซึ่งความคิดแบบนี้จะมี
อิทธิพลมาถึง John Steinbeck และ East of Eden ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของวีรบุรุษร่วมสมัยอย่าง
James Dean พวกเขาเรียกตัวเองว่า "คนรุ่นที่หายไป" เพราะเป็นคนรุ่นที่ไม่มีใคร เป็นคนรุ่น
ที่ไม่มีประวัติศาสตร์ให้กราบไหว้ เป็นคนรุ่นที่ไม่เห็นทิศทางในอนาคต เป็นคนรุ่นที่มีแต่วันนี้และ
วินาทีนี้

สปีดภาพไปข้างหน้าที่ปี 1964 ปีซึ่ง THE MOVEABLE FEAST ถูกตีพิมพ์เป็นครั้งแรก เฮมมิงเวย์
ไขปริศนาที่ไม่มีใครรู้ชัดมาโดยตลอดว่า THE LOST GENERATION ในความหมายที่เคร่งครัด
นั้นคือใครและกำเนิดขึ้น ณ หนไหน เฮมมิงเวย์เฉลยคำตอบเหล่านี้ไว้อย่างหมดจดใน THE FEAST
ว่า THE LOST GENERATION คือบันทึกชีวิตจริงในช่วงยี่สิบเศษของเขาในปารีส ที่ซึ่งเป็นศูนย์
กลางของความเคลื่อนไหวทางการเมืองและภูมิปัญญาในยุคนั้น ที่ซึ่งนักเขียนใหญ่ของโลกในเวลานั้น
ไม่ว่าจะเป็น F.Scott Fitzgerald, Gertrude Stein, Alistair Crowle และ Closerie de Lilas
ไปชุมนุมกันอยู่นานนับปี ที่ซึ่งคนกลุ่มนี้ริเริ่มประกาศความเป็นขบถต่อโลกของขนบประเพณีในขณะนั้น
โดยสร้างชีวิตทางวัฒนธรรมแบบใหม่ๆ ขึ้นมา

คำถามของความเกี่ยวพันที่ THE LOST GENERATION และ THE MOVEABLE FEAST
มีต่อ CITY OF ANGELS ก็คือทำไมเซธจึงเลือกที่จะพบแมกกี้ที่ตู้หนังสือนั้น ทำไมเซธจึงเลือก
ที่จะให้หนังสือนั้นแก่แมกกี้ ทำไมไม่เป็นหนังสืออื่นๆ เช่นตอลสตอย เฮสเส ดอสโตเยฟสกี้
หรือซิดนีย์ เชลดอน เหตุผลท่ีง่่ายและรวบรัดที่สุดก็คือเซธเป็นส่วนหนึ่งของ "คนรุ่นที่หายไป"
คนรุ่นที่ไม่มีใครและไม่รู้จะหันไปทางไหนนั่นเอง

ครั้งหนึ่งเฮมมิงเวย์บอกว่าเราทุกคนล้วนโดดเดี่ยว และฑูตสวรรค์อย่างเซธก็เป็นฑูตสวรรค์ที่อยู่
อย่่างโดดเดี่ยวโดยแท้ ไม่มีใครและใช้ชีวิตไปกับการนั่งเฝ้ามองผู้คน หากมองเข้าไปในจิตใจ
ได้ เขาคงรู้สึกว่างเปล่าสิ้นดี อยากมีความรัก อยากสัมผัส และอยากรู้สึก เพื่อหาอะไรบางอย่าง
ยึดโยงจิตใจเขาไว้ไม่ให้แตกเป็นชิ้นๆ ความไม่เชื่อว่าพระเจ้าจะเป็นฝ่ายถูกตลอดไปทำให้เซธ
สงสัยในคุณค่าของความเป็นฑูตสวรรค์ยิ่งขึ้นไปอีก และในที่สุดเขาจึงตัดสินใจทำลายตัวตนของเขา
ลงไป เพื่อการ "เกิดใหม่" อีกครั้ง

Hemingway, คนรุ่นที่หายไป และ The Moveable Feast จึงเกี่ยวพันกับ City of Angels
ในแง่นี้เอง
จากคุณ : เอ้ - [7 มิ.ย. 2541 15:29:30]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : ขอบคุณค่ะ
ได้รู้ซักที
สงสัยอยู่เหมือนกัน
โดยคุณ : cherrie=) - [7 มิ.ย. 2541 16:39:41]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : ยังไม่ได้ดู City เลยครับ
แต่กระทู้นี้คงจะทำให้เข้าใจอะไรๆ ได้ดีขึ้น
ก่อนที่จะไปดู
ขอบคุณครับคุณเอ้
โดยคุณ : Oakyman - [7 มิ.ย. 2541 16:39:43]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : หวาย เจอตัดหน้าไปสองวิ
โดยคุณ : Oakyman - [7 มิ.ย. 2541 18:26:58]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : เขียนได้ละเอียดและให้ความกระจ่างดีมากค่ะ เป็นคำอธิบายที่มีประโยชน์มากสำหรับการชม
ภาพยนตร์เรื่องนี้ สงสัยฉากนี้อยู่เหมือนกันค่ะ อ่านแล้วทำให้เข้าในภาพยนตร์เรื่องนี้มากขึ้น
มากเลยค่ะ
โดยคุณ : ลูกสาวเฮสเส - [7 มิ.ย. 2541 18:46:05]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : ตบมือให้คุณเอ้ดังๆสำหรับกระทู้นี้นะครับ
โดยคุณ : colp@eudoramail.com (colp) - [7 มิ.ย. 2541 19:06:18]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : โอโฮ... ลึกซึ้งจริงๆครับ....
โดยคุณ : พจน์ - [7 มิ.ย. 2541 22:15:44]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : I didn't think the movie was that profound ,now I know the difference. Thanks for the insightful information.
โดยคุณ : moonchild - [7 มิ.ย. 2541 23:00:10]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : กระทู้นี้เยี่ยมจริงๆ ให้ภาพที่ชัดเจนดีเหลือเกิน คุณเอ้
นี่เป็นครูวรรณกรรมหรือเปล่า ชักสงสัย
โดยคุณ : bluemoon - [7 มิ.ย. 2541 23:32:01]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : ยังไม่ดูเหมือนกัน...คุณOakymanสนใจไปดูกับผมรึเปล่า?
โดยคุณ : คนชอบอ่าน - [7 มิ.ย. 2541 23:52:09]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : อา... ตอนดูก็นึกสงสัยอยู่เหมือนกันครับ แต่ไม่ค่อยได้อ่านเรื่องของ เฮมิงเวย์ แต่ได้ดูหนังที่ซานดรา บูลล็อก
เล่นกะ คริส โอดอนเนล เป็นชีวิตช่วงหนึ่งของ เฮมิงเวย์ ก็เดาๆอยู่ครับว่า เนือ้หาภายในนะจะเกี่ยวกะ
พวกวิญญาน กบฏ อะไรทำนองนั้น พอคุณ เอ้... มาอธิบายทีนี้เลย โป๊ะเชะ เลย ขอบคุณครับ..

นี่คือข้อพิสูจน์อีกอย่างครับ ว่าหนังเรื่องนี้ ไม่ใช่หนังรักโรแมนติก อย่างที่หลายๆคนเข้าใจ...
แต่เป็นหนังประเภท ปรัชญาชีวิต ซะมากกว่า ทุกเรื่องราวในหนังผมถือว่าเป็นสัญลักษณ์ ทั้งเรื่องละครับ
ไม่ได้ดูแล้วอินไปกับอารมณ์ตัวละครเลย... แต่ดูแล้วต้องวิเคราะห์ปรัชญาในหนังซะมากกว่า
เพราะนี้ไงเล่า หนังถึงได้เดินเรื่องซะช้า... จนกลัวหลับ สงสัยกลัวว่า เดินเรื่องเร็ว แล้วคนไม่มีเวลาคิดตาม อิิอิ

หนังเรื่องนี้ผมรู้สึกว่ามัน ต่อเนื่องกะ Living Las vegas ยังไงไม่รู้ ในแง่ของคอนเซปท์หนัง... ไม่ใช่เพราะ
นิโคลัส เคจ เล่นเหมือนกันนะครับ Living Lasvegas เป็นเรื่องของคนธรรมดา ที่อยากกลายเป็นคนบาป
เลยเข้าไปทำชั่วร้ายต่างๆนานา ในเมืองคนบาป แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของฑูตสวรรค์ ไร้กิเลส ตัณหา แล้ว
เกิดอยากมีกิเลส มีอารมณ์ มีความรู้สึกกะเค้ามั่ง.. ในเมืองเทวดา แถมตอนจบพระเอกของเรื่องได้....
กะนางเอกเหมือนกันซะด้วยดิ้ ก่อนจะลาจากกันแบบไม่ได้พบกันอีก... เอ.. ผมคิดมากไปป่าวเนี่ย อิอิ
โดยคุณ : โจรพันธุ์เสือ (น้อย) - [8 มิ.ย. 2541 00:22:36]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : มุมมองแปลกใหม่และลึกซึ้งอีกแล้วนะคะ คุณเอ้ ขอบคุณมากเลยนะคะที่มาให้ความกระจ่าง
โดยคุณ : เมลาณี - [8 มิ.ย. 2541 01:47:03]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : ความรักเข้มแข็งมากกว่าความตาย.!!
โดยคุณ : คนรุ่นใหม่ที่เหลืออยู่ - [8 มิ.ย. 2541 13:00:47]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : ละเอียดจริงๆครับ...ขอบคุณมากๆ...
โดยคุณ : นักเรียนละคร (นักเรียนละคร) - [8 มิ.ย. 2541 15:33:45]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : ตอนดูน่ะ rew สงสัยมากเลยว่า
Hemmeyway สามารถเขียนบรรยายสวย ๆ ได้อย่างนั้นเหรอ
เพราะเจอแต่การมองโลกในแง่ร้าย เพิ่งมารู้ว่าทำไมต้
องเป็นหนังสือเล่มนั้น
โดยคุณ : rew - [8 มิ.ย. 2541 18:14:14]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : เยี่ยม..ชอบ ERNEST HEMINGWAY เป็นทุนเดิมอยู้ด้วย
โดยคุณ : หิ่งห้อย เดือนห้า - [8 มิ.ย. 2541 19:11:32]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : ขอเสริมนิดนึง เท่าที่จำได้นะครับ
คำว่า the Lost เeneration เนี่ย
เป็นคำที่เกอร์ทรูด สไตน์ เรียกพวกนักเขียนหนุ่มยุคนั้น
(ซึ่งกินความรวมถึงแฮมมิ่งเวย์เข้าไปด้วย)
แต่ตัวแฮมมิ่งเวย์เองไม่ค่อยพอใจนักกับการ"หมายหัว"อันนี้
ดังนั้น ในคำอุทิศในหนังสือเรื่อง the Sun also Rises
แฮมมิ่งเวย์เลย"ตอบโต้" เกอร์ทรูด สไตน์ด้วย
คำที่เค้ายกมาจากไบเบิ้ลอย่างที่คุณเอ้บอกนั่นเอง
แฮมมิ่งเวย์ไม่เคยเรียกตัวเองว่า the lost generation เลยครับ

และหนังสือเรื่ง the sun also rises ก็เป็นหนังสือที่ผมชอบมากที่สุดเล่มหนึ่งในประวัติการอ่านของผม
เคยมีคนแปลเป็นภาษาไทยด้วยครับ ในชื่อ "แล้วดวงตะวันก็ฉายแสง"
โดยคุณ : J.C. - [9 มิ.ย. 2541 01:50:23]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : ถูกต้องครับคุณ JC ผมเขียนไม่เคลียร์จริงๆ รู้สึกว่า
ควรจะแก้ไขอะไรบางอย่างตั้งแต่เขียนเสร็จแล้ว แต่กลัวว่าจะ
ยาวเกินไป ได้คุณ JC มาช่วยก็สบายไปเลย ขอบคุณมากครับ
โดยคุณ : เอ้ (เอ้) - [9 มิ.ย. 2541 16:27:24]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : เขียนเยี่ยมมากครับ ขอชมเชยจากใจจริง
โดยคุณ : ผ่านมา - [10 มิ.ย. 2541 17:03:12]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : ถ้าหากว่ามีการจัดอันดับบุคคลที่แสดงความเห็นได้โดดเด่น
เขียนกระทู้ได้ยอดเยี่ยม ผมเชื่อว่าหนึ่งในห้าต้องมีชื่อคุณ
เอ้แน่นอนครับ แต่สำหรับผม ให้คุณเป็นอันดับหนึ่ง

ยินดีที่คุณกลับมาครับ คุณเอ้
โดยคุณ : แสงศรัทธา - [11 มิ.ย. 2541 12:00:53]


ชื่อ/email ของคุณ :
รายละเอียด :