เมื่อไรคนไทยถึงจะมีวัฒนธรรมในโรงหนัง?

เนื้อความ : ทำไมคนที่ดูเหมือนจะได้รับการศึกษามาอย่างดีกลับขาดสามัญสำนึกในเรื่องง่ายๆ? ต้องบอกกันด้วยหรือว่าควรจะเปิดเพจเป็นระบบสั่นหรือปิดมือถือ จะได้ไม่รบกวนคนรอบข้าง? และพวกที่นิยมนำของกินกลิ่นไม่เจริญประสาทเข้าโรงก็ใช่ ยังพวกที่นิยมหอบลูกจูงหลานเล็กๆเข้ามาดูหนังทำความรำคาญให้คนทั้งโรง พวกที่คุยหรือหัวเราะกันลั่นแบบ"เกินพอดี" ..ยังมีมนุษย์จำพวกไม่น่าพิสมัยนี้อีกหลายประเภท ไม่รู้จะทำให้สำนึกได้อย่างไร..
จากคุณ : Verbal - [2 เม.ย. 2541 01:55:34]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : อย่าไปเลียนแบบฝาหรั่งเลยคุณ
โดยคุณ : .ac.th - [2 เม.ย. 2541 02:09:51]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : เลิกดูหนัง
คุณคือคนส่วนน้อย
เพราะดูรอบไหน คุณก็เจอ
มนุษย์กลุ่มนี้ แก้ไม่ได้เพราะ
เป็นสันดาน หันไปดูวิดีโอ
สบายใจ ช้าหน่อย ลงทุน
ทำโรงหนังในบ้านไปเลย
ดีกว่าทนไอ้พวกไม่พัฒนา
โดยคุณ : คนชอบเขียน - [2 เม.ย. 2541 02:10:43]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : คิดซะว่าเป็นการเคารพสิทธิของผู้อื่น (ที่จะได้ดูหนังอย่างมีความสุข) และเป็นสำนึกต่อส่วนรวมสิคะ อย่าคิดว่าเป็นการเลียนแบบฝรั่ง
แต่ถ้าเป็นการเลียนแบบ ก็เป็นแบบที่สมควรลอกเลียนไม่ใช่หรือ?
โดยคุณ : Verbal - [2 เม.ย. 2541 02:14:05]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : วันก่อนไปดูไทแทนิกพากย์ไทย เด็กที่นั่งข้างหลังก็คุย ถามตลอดเรื่อง (พากย์ไทยแล้วนะ) ผมพยายามบอกให้เงียบตลอด แต่แม่เค้าก็ไม่พยายามทำอะไรเช่นกัน

พอหนังจบ ผมหันไปบอกว่า ทีหลังบอกให้เด็กเงียบ ๆ ด้วย แม่เค้ากลับบอกว่าก็เด็กเค้าไม่เข้าใจนี่ (แล้วทำไมพามาดูหนังแบบนี้ ยาวตั้ง 3 ชั่วโมง) ผมบอกต่อไปว่า ถ้าพาไปดูการ์ตูนจะไม่ว่าเลย เค้าตอบว่าคุณนี่ไม่มีน้ำใจเลย เอ๊ะ ผมชักสงสัยแล้วมันเกี่ยวกันตรงไหนวะ

อย่าเอาความอยากของตัวเองจนต้องพาเด็กเข้าไปดูเลย พอมีการ์ตูนกลับไม่กล้าเข้าไปดู กลัวจะถูกหาว่าเป็นเด็ก
โดยคุณ : วี - [2 เม.ย. 2541 02:36:47]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : คงเหมือนขึ้นรถเมล์มั้งครับ บางคนก็ตัวเหม็น บางคนก็หลับมาซบเรา น้ำลายไหลยืด คำตอบมีอัน
เดียวคือ ที่ใดเป็นที่สาธารณะ ที่นั้นเละ ถ้าคิดจะไปที่สาธารณะ ก็ต้องรับความสาธารณ์ได้
ผมเองก็พยายามจะทำใจ แต่ก็ไม่เก่งนัก ไปดู Amistad มีนายกร๊วกที่ไหนไม่รู้นั่งหัวเราะมารดา
ท่านได้ทั้งเรื่อง จะเดินไปดูหน้าท่านแล้ว แต่มันมืดน่ะ
โดยคุณ : bill clinton - [2 เม.ย. 2541 02:39:23]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : ทำยังไงจะแก้ได้ผมก็อยากรู้เหมือนกัน
ยิ่งเดี๋ยวนี้ผมรู้สึกว่า ครั้งไหนที่เราทนไม่ได้
แล้วลุกขึ้นมาจัดการบุคคลเหล่านี้
บางครั้งเรากลับกลายเป็นฝ่าย"ผิด"หรือ "เ-ือก"เรื่องชาวบ้านเสียด้วยซ้ำ
งงครับ
โดยคุณ : J.C. - [2 เม.ย. 2541 02:44:47]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : เพิ่มเติมนิดนึง อีจีวีกำลังรณรงค์เรื่องนี้อยู่ โดยการซื้อโฆษณาของทาโร่มาฉาย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่บอกว่าได้ผลดี แต่ผมว่าน่าจะตัดช่วงหลังออก เพราะทำให้ขาดความน่าเชื่อถือไป
โดยคุณ : วี - [2 เม.ย. 2541 02:50:21]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : เห็นด้วยกับคุณ..วี..ครับ
โดยคุณ : เจ..ได - [2 เม.ย. 2541 03:01:06]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : ผมว่าเรื่องแบบนี้มันไม่เกี่ยวกับการศึกษาเลยนะครับ จริงๆ
โดยคุณ : este - [2 เม.ย. 2541 03:09:28]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : ทำไมต้องแบ่งว่าฝรั่งดูหนังมีวัฒนธรรมกว่าคนไทยด้วย ปัญหาเรื่องการเคารพสิทธิของผู้อื่ีนนั้นไม่เกี่ยวกับสีผิวหรือชาติกำเนิดสักหน่อย
พูดตรงๆ เลยก็คือฝรั่งจำนวนมากก็ดูหนังอย่างที่บรรดา "คนรักหนัง" เรียกว่า "ไม่มีวัฒนธรรม" มากพอๆ กับคนไทยที่มีนิสัยอย่างนี้เหมือนกัน
เรื่องของเรื่องก็คือหนังเป็น "อุตสาหกรรมบันเทิง" หรือ entertainment industry นะครับ เพราะฉะนั้น จะรักหนังกันมากขนาดไหนก็ต้อง
นึกถึงเงื่อนไขพื้นฐานข้อนี้ไว้ด้วย โรงหนังไม่ใช่หอสมุดหรือตำราเรียน และไม่จำเป็นที่ทุกคนต้องนั่งตัวแข็งและ concentrate กับหนังมาก
เท่าๆ กับบรรดา "คนรักหนัง"
เห็นด้วยว่าทุกคนต้องเคารพพื้นที่สาธารณะ คนที่โทรศัพท์ในโรงหนังนั้นมารยาททราม ทรามพอๆ กับคนที่พูดออกมาได้ว่าพ่อแม่ไม่ควรพาลูกเข้าโรงหนัง
ทำไมเด็กไม่มีสิทธิอยากดูหนังและอยากถามเพราะเขาไม่เข้าใจ เราไม่ควรปลูกฝังให้เด็กรักในศิลปะและมีจิตใจที่ละเอียดอ่อนอย่างนั้นหรือ
"การมีวัฒนธรรม" ไม่สามารถสร้างขัึ้นบนความเกลียดชังได้นะครับ การดูถูกว่าอีกฝ่าย "ไม่มีวัฒนธรรม" หรือ "ไม่พัฒนา" ก็สร้างวัฒนธรรมไม่ได้ด้วย
พื้นฐานของหนังทุกเรื่องคืออุตสาหกรรมบันเทิง ต่อให้จะเป็นหนังซีเรียสแค่ไหนก็หนีความจริงข้อนี้ไปไม่ได้ พวกไม่มีมารยาทในโรงหนังนั้นไม่เข้าท่า
แต่พวกเน้นมารยาทเกินไปก็กำลังจะทำให้หนังกลายเป็น textbook ไป
PS. AMISTAD รอบที่ผมไปดูนั้น คนที่หัวเราะดังจนน่าโมโหที่สุดเป็น AMERICAN นะครับ
และโรงหนังในอเมริกานั้น ไม่มีมารยาทกันมากกว่านี้อีก
โดยคุณ : ehdearest@usa.net - [2 เม.ย. 2541 03:16:39]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : เมื่อไหร่เลิกเห่อมือถือ เลิกเห่อของนอก เลิกคุยฟุ่มเฟือย เลิกละความเห็นแก่ตัว ไม่เกรงใจคนอื่น
ก็เมื่อนั้นแหละครับ
โดยคุณ : สุธี 3-4 ชาติ - [2 เม.ย. 2541 03:44:52]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : เห็นด้วยกับคุณ ehdearest@usa.net ครับ
ผมมักจะหลบไปดูหนังในรอบที่ไม่มีคนมากนัก
อยากได้บรรยากาศในโรงหนังดีดี ต้องลงทุน+ทำใจครับ
ล่าสุดเจอกะตัวเองเลย
ไปดู as good รอบ 6 โมงเย็น มีสาววัยรุ่นคุยโทรศัพท์ตลอดทั้งเรื่อง
มีคำพูดนึงที่กระทบหูผมแล้วหงุดหงิดมากคือ "กำลังดูหนังอยู่" แล้วก็คุยต่อ ไอ้คนที่คุยด้วยก็ไร้มารยาทมาก เพื่อนที่นั่งข้างๆ ก็สุดๆ
ผมถือว่าเป็นความผิดของผมที่ไปดูหนังรอบ prime time และสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ดูหนังรอบแรกๆ ในวันแรกๆ อีกเป็นอันขาด
โดยคุณ : วัลแคน - [2 เม.ย. 2541 04:03:19]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : ผมเป็นคนหนึ่งที่มาอยู่ที่ USA ได้สักพัก ผมขอบอกเลยว่า โรงหนังที่เมืองไทยดีกว่าเยอะ ส่วนเรื่องมารยาทนั้น ผมว่าค่อนข้างจะดีกว่าที่เมืองไทย เวลาตลกเค้าก็จะปลดปล่อยอย่างเต็มที่ แต่จะไม่มีการมาวิจารณ์หนังขณะกำลังฉาย ส่วนปัญหาเรื่องเด็กวุ่นวายนั้นไม่มีครับ เพราะหนังแต่ละเรื่องจะกำหนดของผู้ชมว่าโตพอที่จะเข้าใจเนื้อเรื่องของหนังหรือไม่ และการตรวจสอบอายุค่อนข้างเข้มงวดดีครับ
อีกเรื่องที่อยากฝากไว้นะครับคือเรื่องอารมณ์ผู้คนที่นี่ใจเย็นมากครับ มีอะไรก็ให้อภัยกัน ผมอยากเห็นผู้คนที่เมืองไทยเป็นแบบนี้เหมือนกันครับ บ้านเมืองเราจะน่าอยู่กว่านี้เยอะ
โดยคุณ : AMD lover - [2 เม.ย. 2541 07:13:25]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : ของผมแก้ปัญหา โดยไปดูรอบเช้า ๆ เป็นรอบแรกของวันเลย(เสาร์-อาทิตย์) ดีมากครับ ถ้าดูโรงหนังที่อยู่ในห้าง จะตัดปัญหาเรื่องถุงก๊อบแก๊ปดัง เพราะคนยังไม่ซื้อของ นอกจากนี้ก็ยังไม่ค่อยมีผู้ปกครองคนไหนเอาเด็กเข้ามาดูหนังตอนเช้า นี่ก็แก้ได้อีก ผมว่าคนที่มาดูหนังตอนเช้าส่วนใหญ่แล้วผมว่าคงเป็นคนที่รู้สึกรำคาญกับสภาพแวดล้อมการดูหนังแบบคุณนะครับ ที่มีสิ่งให้ต้องกวนใจอยู่ตลอด เมื่อวันเสาร์ผมไปดู Mr.magoo มาสนุกกว่าครับ ภาคภาษาอังกฤษ ไอ้หนูที่นั่งข้าง ๆ ถามพ่อเขาตลอดเรื่องเลย นอกจากนี้ยังมีเด็กตัวเล็ก ๆ ออกมาวิ่งเล่นในโรงอีก(น่ารักดี) ผมเคยได้ยินสำนวนพร้อมเรื่องเล่าอยู่เรื่องหนึ่งที่ว่า " ปรับปรุงตัวเองก่อน " เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า มีเรือรบของอเมริกาลำหนึ่งกำลังเล่นอยู่ในทะเล แล้วคนที่เช็คเรดาร์ตรวจพบว่ามีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในจอด้านหน้าเรือที่กำลังตรงไป จึงพูดลงไปในวิทยุว่า "นี่คือเรือรบ... ขอให้ทางเลี้ยวซ้าย 15 องศา" ฝ่ายวัตถุที่อยู่ในจอเรดาร์ตอบมาว่า " ท่านนั่นแหละเลี้ยวซ้าย 15 องศา " พนักงานวิทยุก็ยั๊วะใหญ่ เลยพูดซ้ำลงไปแบบเดิม ก็ได้คำตอบมาเหมือนเดิม จึงไปรายงานผู้บัญชาการเรือ ซึ่งบังเอิญบนเรือลำนั้นมี ผบ.ทร. อยู่ท่านถูกเชิญมาที่ห้องวิทยุด้วย ผู้บัญชาการเรือพูดในวิทยุแบบเดียวกับที่พลวิทยุพูด ก็ได้คำตอบแบบเดียวกัน จึงให้ท่าน ผบ.ทร. ออกคำสั่ง ซึ่งในตอนนี้ระยะของสิ่งทั้งสองใกล้กันมามาก ท่านผบ.ทร. จึงออกคำสั่งว่า " ในนามของกองทัพเรือของสหรัฐ โดย..... ขอให้ท่านซึ่งไม่ว่าเป็นใครก็ตาม เลี้ยวซ้ายไป 15 องศาเดี๋ยวนี้ " ก็ได้คำตอบกลับมาว่า " ท่านที่เคารพ เราคงไม่สามารถปฏิบัติการตามคำสั่งของท่านได้ ขอให้ท่านจงเลี้ยวซ้าย 15 องศาแทน เพราะเราคือประภาคาร......" อาจจะยาวไปนิดหนึ่งนะครับ ผมเจอการบ่นแบบกระทู้นี้ต้องแต่เข้า pantip.com มาสัก 20 ครั้งได้แล้วมั้ง แต่ในแต่ละครั้งผมไม่เคยเห็นว่าคนที่ตั้งกระทู้ หรือตอบกระทู้จะหาวิธีแก้ไขตัวเองก่อนเลย มีแต่เรียกร้องให้คนอื่นแก้ไขก่อนทั้งนั้น ใช้ผมไม่เถียงว่าการดูหนังควรมีมารยาท เหมือนในห้องสมุด แล้วคุณเคยสังเกตุหรือเปล่าว่า ไอ้คนที่คุยโทรศัพท์แต่ละครั้งนะคนเดิมหรือเปล่า ไอ้ที่ชอบบรรยายหนังนะใช่คนเดียวกับเรื่องก่อนหรือเปล่า ฯลฯ ไม่ใช่เลยสักคนใช่ไหมครับ ผมฝากแค่นี้แหละครับ ถ้าไม่พอใจผมก็ด่าได้นะครับ ผมใจกว้างพอ ที่ผมเขียนมายืดยาวเพราะผมเบื่อคนบ่นเรื่องซ้ำ ๆ เหมือนกัน เหมือนที่คุณบ่นเรื่องพวกมารยาทไม่ดีในโรงหนัง
โดยคุณ : xx-->ae@innocent.com - [2 เม.ย. 2541 07:57:15]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : อยากให้คนอื่นเป็นแบบที่เขาไม่เคยเป็น เขาไม่ยอมหรอกครับ
คนเป็นอย่างนี้ทุกคนแหละครับ
โดยคุณ : tintin - [2 เม.ย. 2541 08:42:39]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : การปลูกฝังให้เด็กรักการดูหนังเป็นส่ิงดี แต่การสั่งสอนให้เด็กรู้จักการควรไม่ควร รู้จักการดูหนัง
ที่เหมาะสมกับวัยของตัวเองก็ยิ่งเป็นการสมควรกว่า
โดยคุณ : มินตรา - [2 เม.ย. 2541 08:44:03]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : เพิ่มเติมอีกนิดหนึ่งนะครับ กลัวโดนว่า ว่างั้นก็ปล่อยเรื่องไม่ดีไป
โดยใช้วิธีหลบ ๆ ไปเสียให้พ้น ที่ผม post ผมไม่ได้หมายความอย่างนี้นะครับ
คือทุกอย่างผมอยากให้เริ่มที่ตัวเองก่อน แล้วก็คนใกล้ชิดเรา ถ้าเรายังไม่สามารถ
ทำอะไรได้ทุกอย่างถามที่คนอื่นคาดหวัง ก็อย่าไปคาดหวังว่าคนอื่นจะทำได้ตามสิ่ง
ที่เราต้องการ ผมอยู่ในสังคม ผมก็อยากเห็นสังคมเป็นสุข ผมอยากเห็นทุกคนเคารพสิทธิ
ซึ่งกันและกัน อยากเห็นการมีน้ำใจให้กัน แต่ ณ ปัจจุบันซึ่งเป็นไปได้ยาก เราก็คงต้องทำใจ
และปรับตัวเองให้เข้ากับสภาพจะดีกว่า
โดยคุณ : xx - [2 เม.ย. 2541 09:29:47]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : เห็นด้วยกับคุณ xx ครับ
เวลาคนดูหนัง เขาก็อยากจะบันเทิ้ง บันเทิง
ใครจะมานั่งเก้กล่ะครับ
แล้วเด็ก มันก็คือเด็กล่ะครับเอาอะไรมาก ทำไมไม่มองให้เป็นความน่ารักล่ะครับ
ถ้าอยากมีมารยาทมาก คราวหน้าใส่ ทักซิโด้ เข้าโรงหนังเลยครับจะได้เหมือนฝรั่งดูโอเปร่า
โดยคุณ : tor - [2 เม.ย. 2541 20:36:05]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : มันไม่ใช่เรื่องนั่งเก็กหรือเรื่องมองเด็กให้น่ารักอะไรทำนองนั้น แต่เป็นเรื่องของวิจารณญาณว่าอะไรควร อะไรไม่ควรต่างหาก ถ้าคุณเป็นคนรักเด็ก มองโลกในแง่ดีก็ดีไป แต่ถ้าคุณไม่ใช่คนอย่างนั้น มันยุติธรรมหรือที่คุณเสียเงินค่าตั๋วที่ไม่ใช่ถูกๆแล้วต้องมานั่งประสาทเสียกับสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อให้คุณสนุกหรือมีสมาธิกับหนังได้เลย? ถ้าคุณดูหนังเอาบันเทิงถ่ายเดียว ก็ไม่น่าโมโหเท่าไร แต่กับหนังที่ต้องใช้ความตั้งใจดูหล่ะ?
เห็นด้วยกับหลายคนนะคะ ที่บอกว่าให้เลือกไปดูรอบที่คนน้อยๆ ถึงจะคับข้องใจไม่น้อยที่ว่าทำไมเราต้องเป็นฝ่ายหลบพวกคนไร้มารยาทพวกนี้ด้วย
อย่างที่คุณtorพูดก็ถูกหล่ะค่ะ ว่าเด็กก็คือเด็ก แต่พวกผู้ใหญ่ที่พาเด็กเข้าไปดูน่ะสิ.. คุณไม่ควรปิดกั้นเด็กจากศิลปะ แต่ก็ไม่ควรทำให้คนอื่นเดือดร้อนเช่นกัน
โดยคุณ : Verbal - [2 เม.ย. 2541 21:24:37]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : ก็เข้าใจนะว่า แต่ละคนรู้สึกยังงัย (ในกรณีที่มีเสียงมือถือ หรือเพจ)
คนเหล่านั้นอาจจะลืมปิดก็ได้
ทางแก้ไขก็คงคล้ายโฆษณาทาโร่
คือให้มีการเตือนทางจอก่อนฉายหนังเลยว่า
กรุณาปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดด้วย อะไรทำนองเนี้ย
โดยคุณ : เลมอน - [3 เม.ย. 2541 00:58:51]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : แล้วก็สรุปได้อย่างนึงคือ คนไทยถึงมีการศึกษาก็ยังไม่เคารพสิทธิคนอื่นอยู่ดี นึกว่าโรงหนังเป็นที่สาธารณะ จะพูดคุยยังไงก็ได้

คุณพาเด็กเข้าไป "ปลูกฝังศิลปะ?????" ไม่มีใครว่าหรอก ถึงแม้จะเป็นเรื่องศุกร์ 13 เพราะไม่ใช่ลูกกู แต่ถ้าคุณไม่สามารถจัดการให้เด็กหุบปากได้ ก็แสดงว่าได้ละเมิดสิทธิของคนอื่นแล้ว ใครจะทนได้ก็ทนไป แต่ผมไม่ทนกับไอ้พวกมารยาททรามแบบนี้

แล้วถ้าผมถอดรองเท้าดูหนัง ซึ่งกลิ่นแรงโชยไปทั่วโรง คุณจะว่าผมได้มั้ยล่ะ เพราะผมก็ถอดของผมไม่ได้ไปถอดของคนอื่น

ไปทำความเข้าใจเรื่อง "เคารพสิทธิผู้อื่น" ก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน
โดยคุณ : วี - [3 เม.ย. 2541 00:58:53]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : สงสัยมีใครบางคนข้างบนนี้ไม่เคยเจอพวกน่าเบื่อในโรงหนังอย่างที่ผมโดนมาแน่เลย..
โดยคุณ : พจน์ - [3 เม.ย. 2541 01:10:31]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : การเคารพสิทธิ์ของผู้อื่น กับ การปรับปรุงตัวเอง เป็นคนละประเด็นกัน
การอดทนในสิ่งที่ควร กับ การนิ่งเฉยดูการกระทำผิด เป็นคนละประเด็นกัน
การเบื่อกระทู้ซ้ำๆ กับ การแสดงความคิดเห็นเป็นคนละประเด็นกัน
ผมก็เบื่อกระทู้ซ้ำๆ
โดยคุณ : J.C. - [3 เม.ย. 2541 01:12:01]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : คนแถวนี้ฉลาดและสมาร์ทมาก ผมอ่านความเห็นทุกคนแล้วผมรู้สึกว่า ทำไมประเทศไทยมีคนอย่าง
พวกคุณน้อยไป ชื่นชมทัศนคติครับ
โดยคุณ : bill clinton - [3 เม.ย. 2541 03:46:19]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : ประเด็นคือเราไม่เคารพสิทธิของคนอื่นเท่าสิทธิของตัวเองครับ
สิทธินั้นต้องคู่กับหน้าที่เสมอครับ คือเรามีสิทธิที่จะให้คนมามีหน้าที่ต่อเรา
เช่น เรามีสิทธิดูหนัง คนอื่นก็มีหน้าที่ๆจะไม่มาขัดขวางการดูหนังของเรา
แต่เราก็ต้องมีหน้าที่ต่อสิทธิของคนอื่นเช่นกัน อันนี้เป็นทฤษฏีเกี่ยวกับ
กฎหมายแพ่งว่าด้วยสิทธิธรรมดาๆ อันเป็นสามัญสำนึกนั่นเอง

โอเค คุณมีสิทธิพาเด็กมาดูหนัง แต่คุณไม่มีสิทธิจะไม่ควบคุมเด็ก ปล่อยให้
เด็กมารบกวนคนอื่นที่จะดูหนัง

เกิดเขาอ้างสิทธิพรรค์อย่างว่า แล้วเขกกบาลลูกคุณเข้า คุณจะว่าไงครับ?
ภาษากฎหมายเขาเรียกแบบนี้ว่า "ใช้สิทธิเกินส่วนครับ" คือใช้สิทธิที่มีแล้วละเมิดชาวบ้าน

คุณมีสิทธิที่จะเอาขนมก๊อบแก๊บเข้าไปนั่งกิน แต่ไม่มีสิทธิทำเสียงดัง
คุณมีสิทธิโทรศัพท์, แต่มีหน้าที่ไม่รบกวนคนอื่น

เราชอบทำอะไรตามใจ (คือไทยตกยุค) โดยไม่เคารพสิทธิคนอื่น ไม่ยอมทำหน้าที่
ละเว้นการละเมิดสิทธิของคนอื่น
อ้างแต่สิทธิตัวเองยันเต อย่างงี้ก็ม่ายหวาย... ไม่ลองคิดว่าถ้าคนอื่นเขาไม่
คารพสิทธิของคุณบ้างสิครับ
โดยคุณ : นิติรัฐ ส.วาณิชย์ - [3 เม.ย. 2541 06:13:45]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : ผมเข้าใจนะครับ และผมก็เจอเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ในโรงหนังเกือบทุกครั้งที่ผมดูหนัง และผมก็
เข้าใจความรู้สึกของคนที่ถูกรบกวนเป็นอย่างดี แต่ที่ผมแนะนำไปอย่างนั้น เพราะทุกครั้งที่เปิดกระทู้
ประเด็นนี้ก็ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ที่ชัดเจน ปัญหาที่แก้ยากที่สุดก็ปัญหาเรื่องคนนี่แหละครับ 100 พ่อ
1000 แม่ เรื่องของสิทธิ และหน้าที่ บางอย่างสามารถออกมาเป็นกฎหมายบังคับได้ แต่บางอย่างเป็นเรื่อง
ของสามัญสำนึก การได้รับการอบรม การสั่งสอน ที่ผม post ไม่ได้หมายความว่าผมส่งเสริมให้มีการ
ละเมิดสิทธิ หรือให้มีการรบกวนผู้อื่นในการดูหนัง นะครับ ผมเพียงอยากชี้ให้เห็นว่าปัญหาไหนแก้ไขได้ตอนนี้
และปัญหาไหนยังไม่สามารถแก้ไขได้ แล้วถ้าเราไม่สามารถแก้ไขได้ในตอนนี้ เรายังมีทางเลือกอันอื่นไม๊
ถ้ามี เราก็น่าจะเลือก เป้าหมายของคนดูหนังผมว่าไม่ใช่ต้องการกำจัดคนไม่รู้จักมารยาทหมดไปจากโรงหนังแน่
แต่ที่ต้องการคือดูหนังอย่างมีความสุขโดยมีสิ่งรบกวนน้อยที่สุด ถูกตามที่คุณ J.C. ว่า ทีผมพูดเป็นเรื่องคน
ละประเด็นกัน แต่ประเด็นการมองของผมอยู่ที่การแก้ปัญหา โดยมองเป้าหมายหลักคือจุดมุ่งหมายครับ เราคงพูดกัน
ไม่จบแน่ถ้าทุกคนออกมาบอกว่าให้รักษาสิทธิ และทวงสิทธินั้น คุณไม่ต้องทะเลาะกับคนอื่นทุกครั้งที่ดูหนังหรือครับ
แน่นอนทำได้แน่ แต่แน่ใจว่าเป็นสิ่งที่คุณต้องการหรือ ที่ผมมองเลยไป ไม่ใช่ผมไม่ใส่ใจสิทธิของผมนะครับ
แต่เรื่องนี้ผมมองว่ามันยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทันทีทันใดในตอนนี้ แต่เป้าหมายคือดูหนังอย่างเป็นสุขเราต้องการ
ตอนนี้เราจะทำอย่างไร(หรือไม่ใช่) ถ้าถามผมว่าเมื่อไหร่ละที่คนทุกคนมีมารยาท เคารพสิทธิผู้อื่นในโรงหนัง
ผมคงตอบไม่ได้(คงนานมาก ๆๆๆ) ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครั้งต่อไปทุกคน

โดยคุณ : xx-->ae@innocent.com - [3 เม.ย. 2541 10:14:57]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : ในฐานะที่ผมเป็นคนพูดถึงประเด็น "สิทธิของเด็ก" ในการดูภาพยนตร์ขึ้นมา ซึ่งเป็นประเด็นที่สนุกสนานและถูกถกเถียง
จากหลายฝ่ายด้วยความเคียดแค้นมากเป็นพิเศษนั้น ขอแสดงความเห็นเพิ่มเติมนิดหน่อยว่า
1) ถึงจะอย่างไรโรงหนังก็เป็นพื้นที่สาธารณะ เมื่อเป็นพื้นที่สาธารณะ ก็ต้องยอมรับว่าเราต้องเผชิญกับการใช้สิทธิของคนที่มีรสนิยมต่างจากเราได้
เขาอาจจะ "กักขฬะ" "มารยาททราม" "ไม่มีการศึกษา" "ไม่มีวัฒนธรรม" แต่ในเมื่อมันเป็นพื้นที่สาธารณะที่ใครๆ ก็มีสิทธิจะเข้าถึงได้ แล้วจะ
เอาอะไรมาวัดดีว่าแต่ละคนมีสิทธิแค่ไหน ถือดีอย่างไรที่จะบอกว่า "สิทธิของคนรักหนัง" มีสูงกว่าสิทธิของคนธรรมดาที่เข้ามาดูหนังเพราะสนุก เพราะเท่ห์
เพราะแฟชั่น และเพราะอื่นๆ ในเมื่อหนังที่บรรดา "คนรักหนัง" ไปดู ก็เป็นหนังฮอลลีวู้ดที่ผลิตมาอย่าง MASS PRODUCT ทั้งนั้น ซึ่งหมายความว่า
ใครก็เข้าไปดูได้ ไม่ใช่หนังของคนดูเฉพาะกลุ่ม "คนรักหนัง" แต่อย่างใด
2) ในเรื่องเด็ก ประเด็นคงไม่ได้อยู่ที่ว่า "รักเด็ก" หรือ "ไม่รักเด็ก" แต่อยู่ตรงผู้ใหญ่เองต่างหากที่จะยอมรับการพูดมาก ถามมาก ถามไม่หยุด ฯลฯ เวลาเด็ก
ไม่เข้าใจหนังได้หรืิอเปล่า เราควรให้เด็กอยู่บ้านดูแต่ทีวีน้ำเน่า ดูหนังอย่างศุกร์ 13 เท่านั้นหรือ เราจะทำอย่างไรกับไอ้เด็กน่ารำคาญในเรื่อง Cinema Paradiso ดี
ถ้าบังเอิญไอ้เด็กบ้านั่นดันมานั่งข้างๆ เรา เตะมันออกไปหรือไล่ตบหัวดี หรืออดทนและคิดว่าเด็กไม่มีวุฒิภาวะเท่าเรา เป็นราคาที่เราต้องทนหากคิดว่าเขาคืออนาคตของสังคมในวันข้างหน้า
ทำไมผู้ใหญ่จึงกำหนดว่าเด็กมี "ปัญญา" ดุูหนังอะไรได้บ้าง เช่นศุกร์ 13 ถ้าเด็กเข้ามาโรงหนังและทำอะไรที่ไม่เข้าท่าบ้าง ก็ต้องยอมรับและเข้าใจว่าเด็กมีสิทธิเข้าโรงหนังเท่ากับเรา
แต่ยิ่งไปกว่านั้น ในความเป็นเด็ก เขาจึงมี "อภิสิทธิที่จะทำตัวงี่เง่า" ได้มากกว่าเรา
3) ที่น่าตลกไปกว่านั้นคือกระแสหลักของหนังฝรั่งที่ฉายในเมืองไทยก็เป็นหนัง popular เป็นหนังที่สร้างเพื่อวัตถุประสงค์ทางการค้า
อย่าง Mass Product แต่บรรดา "คนรักหนัง" ในเมืองไทย กลับดูหนัง pop เหล่านี้ ราวกับว่ามันเป็นหนังที่สร้างเพื่อวัตถุประสงค์ทางศิลปะหรือประเทืองปัญญา
น่าเห็นใจที่เมืองไทยไม่มีกิจกรรมทางวัฒนธรรมสำหรับรองรับ "ความรักหนัง" ของคนชอบดูหนังกลุ่มนี้ แต่สิ่งที่คนกลุ่มนี้เรียกว่า
"วัฒนธรรมในการดูหนัง" มันคือวัฒนธรรมที่เกิดเพื่อรองรับหนังอีกประเภท ซึ่งไม่ได้มีฉายมากนักในเมืองไทย และถึงฉายก็ไม่ค่อยมีใครดู
ไปๆ มามาเรื่องจึงเหมือนกับพวกผู้ใหญ่งี่เง่าที่ชอบไล่เตะลูกเวลาลูกส่งเสียงดังขณะตัวเองดูมวยเท่านั้นเอง
เป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้วัฒนธรรมมาจัดช้ันของคน ทำให้ตนเองรู้สึกเหนือกว่าคนอื่นๆ ในนามของความมีวัฒนธรรมกว่า
เคารพหน้าที่ต่อผู้อื่นกว่า เข้าใจการใช้สิทธิกว่า ฯลฯ โดยลืมความจริงขั้นพื้นฐานไปว่า
ภาพยนตร์คือ entertainment industry โรงหนังคือพื้นที่สาธารณะ และ หนังที่ฉายในเมืองไทยส่วนใหญ่ก็มีเป้าหมายเพื่อรองรับลูกค้าในปริมาณที่มากที่สุด
4) สามสัปดาห์ก่อนมีเทศกาลหนังฝรั่งเศส ผมมีโอกาสพาหลานซึ่งโดยเฉลี่ยก็มีนิสัยพูดมากไปดูหนังในเทศกาลนี้ หนังที่ดูคือ
Heroines และ Ridicule ไอ้เด็กเบื๊อกคนนี้อยู่ป.สอง ภาษาอังกฤษใช้ไม่ได้ แต่ผลจากข้อตกลงที่เราคุยกันไว้ก่อนดูหนังก็ทำให้
หลานผมดูหนังทั้งสองเรื่องได้อย่างสงบ และเข้าใจว่าถ้าเป็นอย่างนี้ไปสักระยะ เขาคงแยกแยะได้ว่า
หนังที่เลวพอสมควรจนถึงเลวน้อยเช่น Titanic และ As good as it gets กับหนังที่ดีนั้นแตกต่างกันอย่างไร
5) ไม่เข้าใจว่าทำไมคนไทยถึงมีท่าทีต่อผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับตนเองรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ สังคมเสรีนั้นต้องรับได้ทั้งคนดีและคนที่คิดไม่เข้าท่า
เพราะเขามีิสิทธิคิดและความไม่เข้าท่าของเขาได้มากเท่าๆ กับที่เรามีสิทธิคิดและทำความดีตามแบบของเรา ถึงที่สุดแล้วไม่มีใครบอกได้ทั้งนั้น
ว่าสิทธิของส่วนรวม สิทธิส่วนบุคคล หน้าที่ต่อส่วนรวม และหน้าที่ต่อตนเอง มีขอบเขตอยู่ตรงไหน
และเพราะไม่มีใครตอบได้นี้เอง จึงต้องถกเถียง แลกเปลี่ยน เห็นแย้ง ทะเลาะกันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ข้อสรุปที่ objective และเป็น
humansim มากที่สุด ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งจะบอกว่าข้าพเจ้ามีวัฒนธรรมดี มีการศึกษาสูง มีมารยาทงาม ฯลฯ เพราะฉะนั้น
การใช้สิทธิแบบที่ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วย คือการละเมิดสิทธิของสังคม
ขอให้มีความสุขกับการดูหนัง และขอให้หนัง popular culture จงล่มสลาย
โดยคุณ : ehdearest@usa.net - [3 เม.ย. 2541 23:26:45]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : แฮ่ สมัยบุศยพรรณ (เขียนถูกไหมนี่) เขาดูดบุหรี่กันสบายจ๋า
ประเดี๋ยววาบ ประเดี๋ยววาบ หมึกปิ้งก็มีขายด้วย

เอางี้
เราต้องตั้งหน่วยงานของรัฐ ทำเป็นสารวัตรสอดส่อง
ใครทำไม่เหมาะสม (ก่อกวน) ให้ถอดรองเท้าตบปากทันที

ส่วนเรื่องเด็ก ก็คงต้อง อภัยอภัยกัน เพราะ เด็ก 3 ขวบนั่น
ยังไง จุดศูนย์รวมก็อยู่ที่ตัวเขาแน่ๆ ของของเขาคือ
ของของเขา และ ของของคนอื่น ก็คือ ของของเขา
ขืนไปขัดใจ ดูดิ แง๊ง๊ง๊ง๊ง๊ง๊ง๊ง๊ง๊
โดยคุณ : tik - [4 เม.ย. 2541 00:22:00]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : เด็กไม่มีสิทธิเท่าผู้ใหญ่ในการดูหนัง ไม่งั้นจะแบ่งเรตไว้ทำซากอะไรเล่า

ถ้าวันนั้นผมดูอนาสเตเซียแล้วเจอเหตุการณ์แบบนั้นผมก็คงไม่ว่าอะไรกลับดีใจด้วยซ้ำที่ผู้ใหญ่รู้จักเลือก "ปลูกฝังศิลปะ" ที่เหมาะสมให้เด็กดู แต่ที่ต้องโวยวายเพราะมันเป็นไทแทนิก

คุณคงไม่เข้าใจที่ผมเขียน ขยายความให้ดีกว่า เด็กมีสิทธิเข้าโรงหนังได้ถ้าพ่อแม่เด็กควบคุมเด็กไม่ให้แหกปากโวยวายหรือพูดคุย

และประเด็นที่ต้องพูดคือ "เด็กไม่ผิด" ที่ต้องว่าคือผู้ใหญ่มารยาททรามที่พาเข้าไปต่างหาก

กรณีที่พาเด็กเบื๊อกไปดูหนังแล้วไม่โวยวายก็ถือเป็นเรื่องดี และนี่แหละที่ผมต้องการให้ทุกคนทำแบบนี้

สุดท้ายต้องย้ำว่า "เด็กไม่มีสิทธิดูหนังเท่าผู้ใหญ่" และคนที่มารยาททรามคือผู้ใหญ่ ไม่ใช่เด็ก
โดยคุณ : วี - [4 เม.ย. 2541 01:11:18]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : เท่ ไม่ใช่ เท่ห์
โดยคุณ : วี - [4 เม.ย. 2541 01:21:47]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : มันต้องปลูกฝังตั้งแต่เกิดเลยครับ
หรึอไม่ก็ออกกฏหมายบังคับซะถ้าอารยธรรมต่ำอย่างนี้
โดยคุณ : naki - [4 เม.ย. 2541 10:05:57]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : เด็กมีสิทธิดูหนังเท่าผู้ใหญ่
การแบ่งเรตหนังมีเป้าหมายเพื่อป้องกันผลกระทบทางสังคมของหนังบางประเภทบางฉาก
เช่นการใช้ความรุนแรง การกดขี่ทางเพศ ฯลฯ
ไม่ใช่เพื่อกันเด็กจากการดูหนัง
คุณวีคงรักหนังมากเกินไปจนเข้าใจผิด
มองโลกด้วยสายตาที่หงุดหงิดและคับแค้น
เราควรให้สฤษดิ์หรือสุจินดาเป็นนายกอีกไหม
จะได้ออกกฎหมายบังคับไอ้พวกอารยธรรมต่ำให้เต็มที่
หรือเอาไปตัดหัวให้สิ้นซากดี?
โดยคุณ : ehdearest@usa.net - [วันเชงเม้ง 01:49:18]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : ก็มันน่าหงุดหงิดกับคนที่ไม่เคารพสิทธิคนอื่นนี่หว่า

งั้นคุณก็พาลูกหลานคุณไปดูหนังเรต nc 17 เองละกันนะ ผมคนนึงล่ะที่รู้จักรับผิดชอบสังคม
โดยคุณ : วี - [วันเชงเม้ง 02:49:00]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : เห็นคุณสองคนอภิปรายแบบเผชิญหน้ากันอยู่นานแล้ว
ไม่ได้เข้าข้างใครนะ แต่มุมมองของพวกคุณก็ไม่มีใครผิดหรอก
หนังฉลาดๆ เด็กก็ควรจะมีโอกาสได้ดู หนังโง่ๆ เด็กหรือผู้ใหญ่ก็มีสิทธิที่จะดูทั้งนั้นแหละ
เวลาจะพาเด็กเข้าโรงหนัง อย่าลืมสอนเขาด้วยว่าสถานที่ที่จะพาไปนี่เป็นที่ที่ีไม่ใช่มีแต่
คนภายในครอบครัว เพราะฉะนั้นไม่สมควรจะทำตัวเหมือนกำลังดูทีวีอยู่ที่บ้าน อาการ
ต่างๆอันไม่พึงประสงค์ในแบบเด็กๆ เช่นซักถามเวลาสงสัย หรือ หัวเราะเสียงดังในตอนที่
ไม่เห็นขำเลย(ในสายตาผู้ใหญ่)ก็สมควรให้อภัยเด็กบ้าง เรื่องพวกนี้มีนิดๆหน่อยๆผู้ใหญ่ใจดี
หลายๆคนในโรงหนังคงพอให้อภัยได้ แต่อย่าบ่อย !! ดังนั้นผู้ปกครองที่มีมันสมองดีๆ ทั้งหลาย
ต้องปลูกฝังสามัญสำนึกการเคารพสิทธิของผู้อื่นให้แก่เด็กด้วย เมื่อเขาโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่
แบบเราๆจะได้ไม่ทำตัวเลอะเลือน เหมือนนักการเมืองแห่งประเทศสยามหลายๆคน

(ข้าพเจ้าเป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด นะครับ)
โดยคุณ : คนหัวใจเทียม - [วันเชงเม้ง 09:25:35]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : ปัจจุบันนะครับ โรงหนังส่วนใหญ่จะอยู่ในห้างสรรพสินค้า ไม่ได้ตั้งอยู่โดด ๆ เหมือนเมื่อก่อน ดังนั้น
เราจึงได้พบเห็นว่าผู้ปกครองนิยมนำเด็กเข้าไปดูหนัง ผมว่าไม่ได้เป็นการตั้งใจหรอกครับ อาจเพราะว่าไป
ช๊อปปิ้งกัน แล้วเกิดอยากดูหนัง ซึ่งแน่นอน จะทิ้งเด็กไว้ข้างนอกไม่ได้ เด็กก็เด็กวันยังค่ำแหละครับ เพราะ
เกือบทุกครั้งแม้ พ่อเม่จะห้ามแล้ว หยุดไปแป๊ปเดียว เดี๋ยวก็เป็นอีก ผมเจอประจำไม่ว่าในโรงหนัง หรือ
ในรถทัวร์ รถไฟ (ผมเดินทางบ่อย) บางครั้งนึกรำคาญอยากจะเคาะกะบาลสักครั้ง ให้หยุดเล่น หรือเงียบลงบ้าง
แต่ให้นึกถึงตัวเองตอนเด็กทุกครั้ง ว่าอันตัวกูก็ไม่ได้ด้อยกว่านี้นี่หว่า อาจจะมากกว่านี้ไปด้วยซ้ำ และบ่อยครั้ง
คนที่ฟาดผม พร้อมสั่งสอนก็ไม่ใช่คนอื่นเลย พ่อผมเอง เห็นด้วยกับคุณ ehdearest สังคมไทยเป็นสังคม
ที่ค่อนข้างยืดหยุ่น (เผด็จการเลยอยู่ไม่ได้นาน) มันก็ดีอย่างเสียอย่างนะครับ มันก็คงมีบ้างเพียงแต่ว่า
คุณจะเปิดใจรับได้แค่ไหน การรู้สึกหงุดหงิด ไม่สบายใจ ก่อให้เกิดความเครียดนะครับ และความเครียด
ก่อให้เกิดโรคทางกายได้ เล็ก ๆ เช่นแผลร้อนในได้
โดยคุณ : xx - [วันเชงเม้ง 10:36:44]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : สนับสนุนความคิดของทั้ง 2 ฝ่ายครับ
แต่ยังมีผู้ใหญ่อีกไม่น้อยที่ยังแซวคิว ไร้มารยาท ใจเย็นๆ ครับ อดทนได้ก็ทนไปเถอะครับคุณวี เดี๋ยวจะดูหนังไม่สนุก
โดยคุณ : วัลแคน - [วันเชงเม้ง 15:19:48]


ความคิดเห็นเพิ่มเติม : ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ "การแบ่งเรตหนังมีเป้าหมายเพื่อป้องกันผลกระทบทางสังคมของหนังบางประเภทบางฉาก เช่นการใช้ความรุนแรง การกดขี่ทางเพศ ฯลฯ " แสดงว่าเด็กดูได้ทุกเรื่องทุกตอนใช่หรือไม่??? ตอบให้ได้ก่อน

ตลกว่ะ "เด็กมีสิทธิดูหนังเท่าผู้ใหญ่" ขำขันฮากลิ้ง อีกหน่อยคงให้เลือกตั้งตั้งแต่เริ่มหัดเขียน ก ไก่
โดยคุณ : วี - [วันจักรี 03:52:06]


ชื่อ/email ของคุณ :
รายละเอียด :