: อันเนื่องมาจาก...เช้าวันนั้น |
|
วันนี้อากาศดีทีเดียว... เจ้ากิ้งก่าน้อยชะเง้อคอสูงตามนิสัยของมัน พลางคิดต่อไปว่าเช้านี้จะกินอะไรเป็นอาหารดี มันพุ่งตัวปราดออกมาจากพุ่มไม้ริมถนนพระรามเก้า ผู้คนเดินขวักไขว่ ไม่มีใครสนใจชีวิตเล็กๆ ของมัน อย่าว่าแต่ใครจะมาสนใจมันเลย มนุษย์ด้วยกันเองเขาก็เดินผ่านกันอย่างที่ต่างเร่งรีบ ไม่มีแม้รอยยิ้มแต้มบนใบหน้า เขาจะรีบไปไหนกัน... ฝุ่นควันฟุ้งตลบอบอวล เจ้ากิ้งก่าสูดเข้าไป มันยืนเหม่อริมฟุตบาท รถราคันแล้วคันเล่าวิ่งผ่านหน้า มันมองไปอีกฝั่งหนึ่งของถนน ที่นั่นคือที่ที่มันจะต้องไปหาอาหาร... แดดเริ่มแผดแรง มันควรจะหยุดเหม่อเสียที ไม่อย่างนั้นผิวหนังมันเลื่อมจะต้องสุกเสียตั้งแต่อาหารมื้อเช้ายังไม่ตกถึงท้อง มันเหลียวซ้ายเหลียวขวาก่อนจะวิ่งหน้าเริ่ดด้วยสี่เท้าเล็กกระจิดริด พุ่งไปสู่ฟากฝั่งตรงข้ามอย่างเร็วที่สุดเท่าที่สัตว์เลื้อยคลานอย่างมันจะทำได้ ...เพียงชั่วลมหายใจ เช้าวันนี้รถติดอย่างเคย ผมหาวกว้างๆ เผื่อจะขับไล่ความง่วงงุนที่คั่งค้างอยู่ออกไปได้บ้าง มองไปยังรถคันรอบๆตัวผม เห็นถึงความเบื่อหน่ายไม่ได้ต่างกันออกไป บ้างก็ซบหน้างีบหลับลงกับพวงมาลัย ขอให้ได้หลับสักเพียงแค่ชั่วเวลารอไฟเขียวก็เอา บ้างก็ฉวยหนังสือพิมพ์ด่วนยามเช้าขึ้นมาอ่านข่าวเด็ด ส่วนตัวผมเองแก้เบื่อด้วยการปล่อยอารมณ์ให้ล่องลอย มองบรรยากาศรอบข้างไปตามเรื่องตามราว บางอย่างที่กระดุกกระดิกได้กลางถนนฝั่งตรงข้ามทำให้ผมละสายตามาหยุดที่มัน... ทีแรกผมไม่คิดว่าเป็นสิ่งมีชีวิต เพราะมันกระเด้งกระดอนไม่หยุดนิ่งเสียจนผมคาดเดาไม่ออกว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่หลังจากเพ่งมองอยู่ครู่หนึ่ง ผมจึงรู้ว่าเป็นกิ้งก่าตัวเล็ก แม้ว่าหางส่วนหนึ่งของมันกระเด็นตกอยู่ไม่ห่างนัก ซึ่งยังคงกระตุกถี่ๆราวกับไม่รู้ว่าได้ถูกแยกออกจากร่างแล้ว... เหตุที่ทำให้ร่างมันกระดอนไปมาเกือบเรียกได้ว่ากลิ้ง ผมคิดว่าเป็นเพราะแรงปะทะจากรถยนต์ที่วิ่งเฉียดผ่านไปด้วยความเร็วสูง มีบางคันเฉียดล้อเข้าไปใกล้จนผมแอบหยุดหายใจไปชั่วขณะ กลัวว่าเมื่อรถคันนั้นแล่นผ่านมันไป แล้วผมจะต้องเห็นซากมันแบนแนบติดกับผิวถนน โชคเข้าข้างผม... ร่างนั้นเพียงลอยขึ้นสูง .. แต่โชคนั้นไม่ได้เข้าข้างมัน เพราะมันถูกชนก่อนหน้าผมจะเห็น หลังจากรถฝั่งตรงข้ามหายไปจากถนนชั่วอึดใจ ความสงบมาเยือนถนนสายนี้อีกครั้ง ร่างของเจ้ากิ้งก่าน้อยตกลงสู่พื้น กายและวิญญาณใกล้จะหลุดจากกันเต็มที มันอาจกำลังดีดดิ้นด้วยความเจ็บปวด ต่อสู้กับความตายที่ประชิดอยู่ทุกลมหายใจ ผมจึงยังเห็นมันผงกหัวขึ้นๆลงๆเป็นพักๆ ผมเต็มไปด้วยความรู้สึกสงสาร ร่างเล็กๆนั่นกระตุกอีก เหมือนว่าหายใจแผ่วลงไป.. ผมอยากให้มันตายไปเสียเร็วๆ เพื่อว่าจะได้หมดความทรมาน และหยุดความเจ็บปวดบนร่างกายของมันเสีย รถมอเตอร์ไซด์ทะยานลิ่วเฉียดผ่านร่างกิ้งก่า คันถัดมาถลาใกล้จนเกือบซ้ำรอยล้อลงกลางอก รถยนต์เริ่มกรูเข้ามาบนถนนอีกระลอกหลังจากได้สัญญาณไฟเขียว เป็นเหตุการณ์สามัญบนถนนทุกสายในกรุงเทพ และก่อนที่ล้อรถจะบดลมหายใจของมัน ผมชิงหันหน้าหนีเสียก่อน... ได้โปรดเถอะ มันยังไม่ตาย... ผมครวญ ผมเดินกลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน ละเลียดกาแฟในถ้วยใบเก่าอย่างใจเย็น เพื่อนร่วมงานกำลังจับกลุ่มคุยกันถึงเรื่องการปลดพนักงาน ผมได้ยินเสียงเพื่อนหญิงรุ่นเดียวกันกลั้นสะอื้น ก่อนจะปล่อยโฮ เพราะรู้ว่าจะได้รับเงินเดือนนี้เป็นเดือนสุดท้าย หล่อนมีลูกสองคน กับสามีที่ตกงานมากว่า 2 เดือน ผมเพียงแค่ชายตามองหล่อน คิดถึงชะตากรรมของตัวเองซึ่งอาจจะต้องเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน ไม่หรอกน่ะ ผมปลอบตัวเอง ภาพเมื่อเช้าสลับเข้ามาในหัวสมองผมอีก ผมยังฝังใจอยู่กับกิ้งก่าตัวนั้น ป่านนี้ซากมันคงแห้งกรังผนึกสนิทกับผืนถนน ชีวิตหนึ่งจบสิ้นไปแล้วอย่างไม่สลักสำคัญ สัตว์โลกล้วนแต่รักชีวิต กลางเมืองใหญ่ที่วุ่นวายแห่งนี้ไม่สมควรเป็นที่ตายของมัน จะอย่างไรก็แล้วแต่ ... ผมได้เห็นภาพการดิ้นรนที่ยิ่งใหญ่จากสัตว์ตัวเล็กๆตัวนี้ ผมเรียนรู้บางอย่างจากมัน.. |
|
....26-06-41
Thanks,You are visitors number since 05/07/98
comment by:
lekleklek@hotmail.com
29 มิถุนายน 2541 20:58
comment by:
mate_n@hotmail.com(แก่หัวงู)
30 มิถุนายน 2541 20:48
comment by:
organs@hotmail.com
1 กรกฎาคม 2541 07:52
comment by:
เจื้อยแจ้ว
7 กรกฎาคม 2541 13:43
comment by:
iam@thai.com
7 สิงหาคม 2541 8:05
comment by: อัง
17 สิงหาคม 2541 8:09
comment by:
โจ้
21 สิงหาคม 2541 9:39